วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2551

กะเพรา พญายอ มะแว้งเครือ ปลาไหลเผือก

กะเพรา
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum sanctum Linชื่อวงศ์ Labiatae
ชื่ออื่นๆ กะเพราขาว กะเพราแดง(ภาคกลาง)กอมก้อ(ภาคเหนือ)
ลักษณะของพืช เป็นไม้ล้มที่มีทรงพุ่มใหญ่และสูงได้ 30-60ซม.มีขนปกคลุมทั่วไปใบเดี่ยวออกตรงข้ามเนื้อใบบางและนุ่ม ก้านใบยาว1-3ซม.ตัวใบรูปร่างรีหรือขอบขนาน กว้าง1-2.5 ซม. ยาว2-4.5 ซม.ปลายใบและโคนใบอาจแหลมหรือมน ขอบใบค่อนข้างหยักเส้นใบทั้ง2 ด้านมีขนปกคลุม ดอกออกรวมกันเป็นช่อ ยาว 8-14 ซม.โดยดอกติดรอบแกนช่อเป็นชั้นๆมีทั้งชนิดที่สีของส่วนต่างๆ เช่น ลำต้น ใบ ดอกเป็นสีเขียว และชนิดที่ส่วนต่าง ๆมีสีเขียวอมม่วงแดง
ส่วนที่ใช้เป็นยา ใบและยอด ทั้งสดหรือแห้ง
สรรพคุณและวิธีใช้ -แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้องใช้ใบและยอด 1 กำมือ (น้ำหนักสดประมาณ 25 กรัม แห้งประมาณ4กรัม )ต้มเอาน้ำดื่ม เหมาะสำหรับเด็กแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน(เกิดจากธาตุไม่ปกติ)ใช้ใบและยอดสดประมาณ 1 กำมือ (ประมาณ 25 กรัม)ต้มเอาน้ำดื่ม
การขยายพันธุ์ นิยมก่รใช้เมล็ด
สภาพดินฟ้าอากาศ ชอบดินร่วนซุย ควรปลูกต้นฤดูฝน
การปลูก กะเพาะ ปลูกง่ายในดินแทบทุกชนิด โดยมากปลูกไว้เป็นอาหาร
ตามบ้านเรือนทั่วๆไป
การบำรุงรักษา ปล่อยให้เจริญเติมโตได้เองโดยไม่ต้องบำรุงรักษาแต่อย่างไร

พญายอ
ชื่อวิทยาศาสตร์ clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau
ชื่อวงศ์ Acanthaceae
ชื่ออื่นๆ พญาปล้องทอง คงคาเย็น (ภาคกลาง) ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด(เชียงใหม่) พญาปล้องดำ (ลำปาง)
ลักษณะของพืช เป็นไม้เลื้อยหรือไม้พุ่มเลื้อย ลำต้นสีเขียว ไม่มีหนามใบเดี่ยวติดกับลำต้นแบบตรงกันข้าม ใบรูปรียาว ปลายใบและโคนใบแหลม ขนาดใบกว้าง 0.5-2 ซม. ก้านใบยาว 3-10 มม.ดอกออกเป็นช่อแน่นที่ปลายยอด แต่ละดอกมีใบประดับสีเขียว รูปเรียวแหลมยาว 1 ซม. ติดที่โคนดอกดอกมีกลีบสีแดงลักษณะเป็นหลอดยาว 2-3.5 ซม. ปลายหลอดแยกเป็น 2 ส่วน มีเกสรตัวผู้และเกศรตัวเมียยาวโผล่พ้นหลอด
ส่วนที่ใช้เป็นยา ใบสด
สรรพคุณและวิธีใช้ช้รักษาโรคผิวหนังจำพวกเริมและงูสวัดใช้ใบสดประมาณ 1 กำมือ (ขนาดที่ใช้สามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามอาการ) ตำผสมเหล้า ทาบ่อย ๆ-ใช้แก้พิษแมลงสัตว์ กัดต่อย (ไม่รวมพิษงู)ใช้ 2-10 ใบ ขยี้หรือตำให้แหลก นำมาทาหรือพอก
การขยายพันธุ์ ใช้ปักชำ
เจริญได้ดีในที่แจ้งและร่ม
การปลูก ตัดต้นตรงส่วนทีไม่อ่อนและไม่แก่จนเกินไป ชำลงในดินที่ต้องการรดน้ำให้ชุ่มทันทีและหลังชำใหม่ ๆ ควรรดน้ำทุกวัน จนกว่ากิ่งชำจะเจริญแข็งแรงดี

มะแว้งเครือ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Solanum trilobatum Linnชื่อวงศ์ सोलानासाए
ชื่ออื่นๆ แขว้งเคีย(ตาก)มะแว้งเถา(กรุงเทพฯ)
ลักษณะของพืช เป็นไม้เลื้อยหรือไม้พุ่ม กิ่งเลื้อยยาวได้2-5เมตรส่วนต่างๆมักมีหนามโค้งแหลมและสั้น ใบรูปไข่หรือรี ขอบใบหยักเว้า2-5หยักตัวใบมีขนาดกว้าง1-4ซม।ผิวใบอาจเรียบหรือมีหนามเล็กๆตามเส้นกลางใบ ดอกสีม่วงออกเป็นช่อ2-8 ดอก แต่ละดอกมีขนาด2-3ซม।ผลกลมใหญประมาณ8มม।ส่วนที่ใช้เป็นยา ผลสดสรรพคุณและวิธีใช้ แก้ไอและขับเสมหะใช้ผลสด5-10 ผล ใบโขลกพอแหลกคั้นเอาแต่น้ำใส่เกลือจิบบ่อยๆหรือใช้ผลสดเคี้ยวแล้วกลืนทั้งน้ำและเนื้อการขยายพันธุ์ ใช้เมล็ดสภาพดินฟ้าอากาศ ขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิด ควรปลูกฤดูฝนการปลูก พรวนดินกำจัดวัชพืชออกให้หมดหยอดเมล็ดลงในดินลึก2-3 ซม.กลบดินรดน้ำให้ชุ่มและควรมีค้างให้เลื้อยด้วยการบำรุงรักษา คอยกำจัดวัชพืชโคนต้นออกให้หมดและคอยตกแต่งกิ่งที่แห้งทิ้งบ้างในบางโอกาส

ปลาไหลเผือก
ชื่อวิทยาศาสตร์ Eurycoma longifolia Jack
ชื่อวงศ์ Simarobaceae
ชื่ออื่นๆ ไหลเผือก เพียก (ภาคใต้) หยิกบ่อถอง (ปราจีนบุรี) คะนาง ขะนาง (ตราด) ตรุสอ(ภาคกลาง)
ลักษณะของพืช เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ซึ่งมีลำต้นสีแดง สูงประมาณ6-15 เมตร ไม่แตกกิ่งก้านทางด้านข้าง จะมีใบอยู่ตรงส่วนยอดของลำต้นและใบยาวประมาณ 1 เมตร ใบนี้ประกอบด้วยใบย่อยจำนวนมาก ใบย่อยมีขน และรูปร่างเรียวแหลมหรือรูปไข่กลับ ปลายเรียวแหลม ดอกสีแดงยาว10-15 มม. มีทั้งดอกตัวผู้และดอกตัวเมียออกรวมกันเป็นช่อใหญ่ ยาวขนาดใกล้เคียงกันความยาวของใบผลสีน้ำตาล รูปร่างคล้ายรูปไข่ขนาดกว้าง 5-12 มม. ยาว 10-17 มม.
ส่วนที่ใช้เป็นยา รากแห้ง
สรรพคุณและวิธีใช้ แก้ไข้ ใช้ครั้งละ 1 กำมือ(หนัก 8-15 กรัม) ต้มกับน้ำดื่มก่อนอาหารวันละ 2 ครั้งเช้าและเย็นหรีอเวลามีอากาศ
การขยายพันธุ์ ใช้เมล็ดหรือกิ่งตอน
สภาพดินฟ้าอากาศ ขึ้นได้ในดินทุกชนิดโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ ความชุ่มชื่นสูงไม่ชอบอากาศหนาว การควรเริ่มปลูกในต้นฤดูฝน
การปลูก อาจปลูกบนร่องหรือบนพื้นดินทั่วๆไป วิธีการก็เช่นเดียวกันพื้นชนิดอื่น
การบำรุงรักษา ในระยะที่ปลูกใหม่ๆ ต้องให้ร่มเงาและรดน้ำให้ชุ่มอย่างน้อยละครั้งเมื่อโตแล้วไม่จำเป็นต้องให้ร่มเงา แต่คอยระวังอย่าให้มีวัชพืชรบกวนโคนต้นมากนัก

ไม่มีความคิดเห็น: