โครโมโซม คือ สารพันธุกรรมในร่างกายของมนุษย์ เป็นตัวกำหนดลักษณะต่างๆเช่น สีตา สีผม ความสูง และควบคุม การทำงาน ของร่างกาย โครโมโซมจะอยู่ในเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย ในคนปกติทั่วไป แต่ละเซลล์จะมีจำนวนโครโมโซม อยู่ทั้ง หมด 23 คู่ หรือ 46 แท่ง โดยครึ่งหนึ่งคือ 23 แท่งเราจะได้รับมาจากพ่อและอีก 23 แท่งจะได้มาจากแม่ และเราสามารถ ถ่ายทอดโครโมโซมครึ่งหนึ่งไปให้ลูกของเราได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีลักษณะเหมือนพ่อและแม่ ส่วนลูกของเรา ก็จะมีลักษณะเหมือนเราและคู่ครองของเรานั่นเอง ดังที่กล่าวมาแล้ว คนปกติจะมีโครโมโซมอยู่ 46 แท่งในเซลล์ทุกเซลล์ จึงจะทำให้ร่างกายทำหน้าที่ได้ปกติ หากมีการเกินมาหรือขาดหายไปของโครโมโซมหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของโครโมโซม จะมีผลให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ และเกิดความพิการได้ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่มีโครโมโซมที่ 21 เกินมาหนึ่งแท่ง จะทำให้เกิดกลุ่มอาการผิดปกติ ที่เรียกว่ากลุ่มอาการดาวน์ (Down Syndrome) ซึ่งผู้ที่มีลักษณะเช่นนี้จะมีพัฒนาการช้า และอาจมีความผิดปกติของอวัยวะอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หัวใจผิดปกติ เป็นต้น
วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2550
CHROMOSOME
โครโมโซม คือ สารพันธุกรรมในร่างกายของมนุษย์ เป็นตัวกำหนดลักษณะต่างๆเช่น สีตา สีผม ความสูง และควบคุม การทำงาน ของร่างกาย โครโมโซมจะอยู่ในเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย ในคนปกติทั่วไป แต่ละเซลล์จะมีจำนวนโครโมโซม อยู่ทั้ง หมด 23 คู่ หรือ 46 แท่ง โดยครึ่งหนึ่งคือ 23 แท่งเราจะได้รับมาจากพ่อและอีก 23 แท่งจะได้มาจากแม่ และเราสามารถ ถ่ายทอดโครโมโซมครึ่งหนึ่งไปให้ลูกของเราได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีลักษณะเหมือนพ่อและแม่ ส่วนลูกของเรา ก็จะมีลักษณะเหมือนเราและคู่ครองของเรานั่นเอง ดังที่กล่าวมาแล้ว คนปกติจะมีโครโมโซมอยู่ 46 แท่งในเซลล์ทุกเซลล์ จึงจะทำให้ร่างกายทำหน้าที่ได้ปกติ หากมีการเกินมาหรือขาดหายไปของโครโมโซมหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของโครโมโซม จะมีผลให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ และเกิดความพิการได้ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่มีโครโมโซมที่ 21 เกินมาหนึ่งแท่ง จะทำให้เกิดกลุ่มอาการผิดปกติ ที่เรียกว่ากลุ่มอาการดาวน์ (Down Syndrome) ซึ่งผู้ที่มีลักษณะเช่นนี้จะมีพัฒนาการช้า และอาจมีความผิดปกติของอวัยวะอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หัวใจผิดปกติ เป็นต้น
วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2550
ฟ้าทลายโจร
ฟ้าทลายโจร
ฟ้าทลายโจร เป็นพืชสมุนไพรที่หลายท่านรู้จักกันดี มีชื่อเรียกต่างๆ กันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น น้ำลายพังพอน ยากันงู ขุนโจรห้าร้อย ชวงซิมน้อย เจ็กเกียงฮี่ ฟ้าสาง สามสิบดี เขยตา ยายคุม ฟ้าสะท้าน ชาวจีนเรียกฟ้าทลายโจรว่า ซิปังกี่โขว่ เช่า
ฟ้าทลายโจร มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Andrographis Paniculate Wall.ex nees อยู่ในวงศ์ Acanthaceae ซึ่งเป็นไม้พุ่ม ต้นเตี้ยตระกูลเดียวกับกะเพรา โหระพา ต้อยติ่ง และทองพันชั่ง แต่มีรสขมมากจนได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งความขม (King of bitterness)
ลำต้นสี่เหลี่ยม ลักษณะใบเรียวยาว ปลายใบแหลม สีเขียวเข้มเป็นมัน ขอบใบมีรอยหยักเล็กน้อย ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน ดอกเป็นดอกเดี่ยวเล็กๆ สีขาว ออกเป็นช่อที่ยอดและตามง่ามใบ ดอกมักจะทยอยบาน จากโคนช่อไปสู่ปลายช่อ กลีบรองดอกสีขาว ส่วนโคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็นกลีบแหลมๆ 5 กลีบ กลีบดอกจริงสีขาว โคนเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 2 กลีบใหญ่ กลีบบนใหญ่กว่ากลีบล่างมี 3 หยัก มีจุดสีม่วงแดง ปลายกลีบล่างมีสองหยัก เกสรผู้ 2 อัน ติดกับกลีบดอก ท่อเกสรเมียเรียวยาว ฝักคล้ายฝักต้อยติ่ง ฝักแก่จะมีสีน้ำตาล แตกง่าย มีเมล็ดเล็กๆ อยู่ภายในฝัก เป็นพืชที่ปลูกง่าย ชอบดินร่วนซุย มีการระบายน้ำดี ส่วนใหญ่ขยายพันธุ์โดยเมล็ด ท่านที่ปลูกฟ้าทลายโจรจะเห็นว่า เริ่มแรกปลูกเพียงไม่กี่ต้น ต่อมาจะขยายพื้นที่กว้างขึ้นเอง เนื่องจากฝักที่แก่ถ้าไม่เก็บมาใช้ประโยชน์ ฝักจะแตก เมล็ดร่วงหล่นลงดิน งอกเป็นต้นใหม่
ชื่อท้องถิ่น ฟ้าทลาย น้ำลาย พังพอน (กรุงเทพฯ) หญ้ากันงู (สงขลา) ฟ้าสาง (พนัสนิคม) เขตตายายคลุม
(โพธาราม) สามสบดี (ร้อยเอ็ด) เมฆทลาย (ยะลา) ฟ้าสะท้าน (พัทยา)
ชื่ออื่น ๆ คีปังฮี (จีน)
ลักษณะของพืช ฟ้าทลายโจรเป็นพืชล้มลุก สูง 1-2 ศอก ลำต้นสี่เหลี่ยม
แตกกิ่งเล็กด้านข้างจำนวนมากใบสีเขียว ตัวใบรียาว ปลายแหลม ดอกขนาดเล็ก สีขาว มีขอบกระ สีม่วงแดง ผักคล้ายผักต้อยติ่ง เมล็ดในสีน้ำตาลอ่อน
ส่วนที่ใช้เป็นยา ใบ
ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา เก็บใบในช่วงเริ่มออกดอก ใช้เวลาปลูกประมาณ 3 เดือน
รสและสรรพคุณยาไทย รสขม เป็นยาแก้เจ็บคอ แก้ท้องเสีย แก้ไข เป็นยาขมเจริญอาหาร
วิธีใช้ ใบฟ้าทลายโจรใช้รักษาอาการท้องเสียและอาการเจ็บคอ มีวิธีใช้ 3 วิธีดังนี้คือ
1. ยาต้ม ใช้ใบฟ้าทลายโจรสด 1-3 กำมือ (แก้อาการเจ็บคอ ใช้เพียง 1 กำมือต้มกับน้ำนาน 10-15 นาที ดื่มก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง หรือเวลามีอาการ ยาต้มฟ้าทลายโจรมีรสขมมาก
2. ยาลูกกลอน นำใบฟ้าทลายโจรสด ล้างให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง (ควรผึ่งในร่มที่มีอากาศโปร่งห้ามตากแดด) บดเป็นผงให้ละเอียด ปั้นกับน้ำผึ้งเป็นเม็ดยาลูกกลอนขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย หรือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
ยาดองเหล้า นำใบฟ้าทลายโจรแห้ง ขยำให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ในขวดแก้วใช้เหล้าโรง 40 ดีกรี แช่พอให้ท่วมยาเล็กน้อย ปิดฝาให้แน่น เขย่าขวด หรือคนยาวันละ 1 ครั้ง พอครบ 7 วัน กรองเอาแต่น้ำ เก็บไว้ในขวดที่มิดชิดและสะอาด รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ (รสขมมาก) วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหาร หรือใช้พืชแห้งบดเป็นผงละเอียด ปั้นเป็นยาลูกกลอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.8 ซม กินครั้งละ 3-6 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง
ก่อนอาหารและก่อนนอน สำหรับผงฟ้าทะลายโจรที่บรรจุแคปซูล ๆ ละ 500 มิลลิกรัม ให้กินครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าและเย็น อาการข้างเคียงที่อาจพบคือ คลื่นไส้
วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
สมุนไฟรรายวัน
ม้ากระทืบโรง (ชื่อวิทยศาสตร์: Ficus pubigera Wall) เป็นไม้ในวงศ์ MORACEAE มีชื่อท้องถิ่นอื่น
วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
ความเป็นมาของสุราษฏร์ธานี
จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นที่ตั้งของเมืองเก่า เป็นศูนย์กลางของเมืองศรีวิชัย มีหลักฐานแสดงถึงการตั้งรกราก และเส้นทางสายไหมในอดีต พื้นที่อ่าวบ้านดอนเจริญขึ้นจนเป็นอาณาจักรศรีวิชัยในช่วงหลังพุทธศตวรรษที่ ๑๓ โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์เป็นเครื่องยืนยันความรุ่งเรืองในอดีต ได้แก่ พระบรมธาตุไชยา วัดแก้ว วัดเวียง วัดหลง และมีการขุดพบพระพุทธรูป และพระโพธิสัตว์อวตารเป็นจำนวนมากในพื้นที่อำเภอไชยา ภายหลังยังเชื่อว่า เมื่ออาณาจักรตามพรลิงก์ หรือเมืองนครศรีธรรมราชมีความรุ่งเรืองมากขึ้นนั้น เมืองไชยาก็เป็นหนึ่งในเมืองสิบสองนักษัตรของเมืองนครศรีธรรมราชด้วย
นอกจากนี้ในยุคใกล้เคียงกันนั้นยังพบความเจริญของเมืองที่เกิดขึ้นในบริเวณลุ่มแม่น้ำตาปี ได้แก่ เมืองเวียงสระ เมืองคีรีรัฐนิคม และเมืองท่าทอง โดยเชื่อว่าเจ้าศรีธรรมาโศก ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชนั้นอพยพย้ายเมืองมาจากเมืองเวียงสระ เนื่องจากเป็นเมืองที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล และเมื่อเมืองนครศรีธรรมราชเจริญรุ่งเรืองนั้น ได้ยกเมืองไชยา และเมืองท่าทอง เป็นเมืองสิบสองนักษัตรของตนด้วย
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้ก่อตั้งอู่เรื่อพระที่นั่งและเรือรบเพื่อใช้ในราชการที่อ่าวบ้านดอน ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ย้ายที่ตั้งเมืองท่าทองมายังอ่าวบ้านดอน (ซึ่งเป็นที่ตั้งของอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีในปัจจุบัน) พร้อมทั้งยกฐานะให้เป็นเมืองจัตวา ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหาคร และพระราชทานชื่อว่า "เมืองกาญจนดิษฐ์" โดยแต่งตั้งให้พระยากาญจนดิษฐ์บดีเป็นเจ้าเมืองดูแลการปกครอง
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงโปรดให้รวมเมืองกาญจนดิษฐ์ เมืองคีรีรัฐนิคม และเมืองไชยาเป็นเมืองเดียวกัน เรียกว่า "เมืองไชยา" ภายใต้สังกัดมณฑลชุมพร
เมื่อเมืองขยายใหญ่ขึ้น จึงมีการปรับเปลี่ยนการปกครองและขยายเมืองออกไป มีการสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่ อ่าวบ้านดอน ให้ชื่อเมืองใหม่ว่า อำเภอไชยา และให้ชื่อเมื่องเก่าว่า "อำเภอพุมเรียง" แต่เนื่องด้วยประชาชนยังติดเรียกชื่อเมืองเก่าว่า "อำเภอไชยา" ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระราชทานนามเมืองใหม่ที่บ้านดอนว่า "สุราษฎร์ธานี" และให้ชื่อเมืองเก่าว่า "อำเภอไชยา" และทรงพระราชทานนามแม่น้ำตาปี ให้ในคราวเดียวกันนั้นเอง ซึ่งเป็นการตั้งชื่อตามแบบเมืองและแม่น้ำในประเทศอินเดีย ที่มีแม่น้ำตาปติ ไหลลงสู่ทะเลออกผ่านปากอ่าวที่เมือง สุรัฎร
ตราประจำจังหวัด คือ พระบรมธาตุไชยา ซึ่งมีศิลปะแบบศรีวิชัย ตั้งอยู่ ณ วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร โดยสร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๔ และเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย
หมายเหตุ : คำขวัญประจำจังหวัดในอดีต แต่งโดยพระเทพรัตนกวี (ก.ธรรมวร) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี :
วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2550
11เคล็ดลับ การทำงานอย่างมีความสุข
2. ปรับปรุงบุคคลิกภาพ ให้เหมาะกับตำแหน่งและลักษณะงาน
3. สนทนาแลกเปลี่ยนกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานอยู่เสมอ
4. ศึกษาวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม
5. ใส่ความกระตือรือร้น และพลังวังชาลงไปในงาน
6. หมั่นบันทึกคำเตือนเพื่อกันลืม สำหรับตนเอง
7. หมั่นหาความรู้เพื่มเติมตลอดเวลา
8. หากต้องการคลายเครียด ลองหาหนังสือธรรมะมาอ่าน
9. อย่าจริงจังกับงานและชีวิตจนเคร่งเครียด
10. แบ่งงานออกเป็นส่วน ๆ แล้วลำดับความสำคัญของงาน
11. กำหนดเวลาพักผ่อน เวลาทำงาน และเวลานั่งสมาธิให้ชัดเจน
ธรรมวันละคำ
๒. ทมะ คือ ฝึกหัดแก้ไขปรับปรุง
๓. ขันติ คือ อดทนตั้งใจและขยัน
๔.จาคะ คือ เสียสละ